วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

เปรียบเทียบความแตกต่างค่า Page Rank Web E - Business

เว็บไซต์ที่มีค่า Page Rank สูง คือ www.thaitv3.comจากการสำรวจของ Google มีค่า Page Rank อยู่ในระดับ 7 และค่า Index จำนวน  188,00 ครั้ง   ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่มีความนิยมและการเชื่อมโยงเข้าถึงสูงจากการประเมิน

 ภาพแสดงค่า SEO จาก Google  ของ http://www.thaitv3.com/















เว็บไซต์ที่มีค่า Page Rank น้อย คือ www.babimild.com จากการสำรวจของ Google มีค่า Page Rank อยู่ในระดับ 2 และค่า Index จำนวน 362 ครั้ง ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่มีความนิยมและการเชื่อมโยงเข้าถึงน้อยจากการประเมิน

ภาพแสดงค่า SEO จาก Google  ของhttp://www.babimild.com


/






ปรียบมูลค่าค่า Page Rank และค่าดัชนี Index ของทั้งสองเว็บไซต์นี่สามารถชี้ให้เห็นถึงความประสบผลสำเร็จและคุณภาพของเว็บไซต์ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ได้

    ซึ่งจากการสำรวจความแตกต่างของ 2 เว็บไซต์นี้ทำให้เปรียบเทียบได้ถึงความแตกต่างที่ส่งผลต่อ ค่า Page Rank และค่า Index  ความแตกต่างของสองเว็บไซต์นี้ นั่นก็คือ เว็บไซต์ของ  www.thaitv3.com มีการอัฟเดทข้อมูลอย่างสม่ำ เสมอและมักจะพบเห็นถูกฝากโฆษณาตามเว็บไซต์ต่างๆ มากมาย ตัวเว็บไซต์ก็มีความน่าสนใจที่จะเข้าชม ต่างจาก www.babimild.comที่ไม่ค่อยมีการอัปเดท  ข้อมูลใหม่ๆหน้าเว็บไซต์ก็ไม่ดึงดูดที่จะเข้าชม ไม่ค่อยพบเห็นลิ้งบนเว็บไซต์อื่นเท่าไร  จึงส่งผลไปยัง Page Rang ได้

    ส่วนค่า Indexจะ เป็นค่าจำนวนครั้งที่ Google ความแตกต่างของค่า Index สองเว็บไซต์นี้ นั่นก็คือ เว็บไซต์ของ www.thaitv3.com จะมีผู้เยี่ยมชมบ่อยเพราะมีการอัฟเดทข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ ใหม่ๆอยู่เสมอ ต่างจาก  www.babimild.comที่ไม่ค่อยมีการอัฟเดทกิจกรรมเท่าไร  และความบ่อยครั้งในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ก็น้อยจากการค้นหา จึงส่งผลต่อค่า Index ที่ Google เข้ามาดูข้อมูล







วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิเคราะห์ประเด็นและแสดงความคิดเห็น


ให้นักศึกษาวิเคราะห์ประเด็นต่อไปนี้ แล้วแสดงความคิดเห็นและตอบคำถามจากประเด็นปัญหาต่อไปนี้
1. สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
สาเหตุที่ร้านค้าออนไลน์ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จส่วนหนึ่งเป็นลักษณะนิสัยของคนไทย ชอบเห็นสิ่งของก่อน แล้วค่อยซื้อ และยังร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน ที่ทำให้สามารถออกไปชอปปิ้ง ด้วยการเดินทางที่ใช้ระยะเวลาไม่นาน ไม่เหมือนต่างประเทศ ที่ห้างร้าน อยู่ไกลกันมาก การซื้อสินค้าออนไลน์ จึงสะดวกกว่า การเดินทางไปซื้อด้วยตัวเอง และความสะดวกสบาย ในการชำระเงินออนไลน์ ซึ่งคนไทยส่วนน้อย มีความรู้เรื่องการ การชำระเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ต อยากซื้อ แต่ไม่รู้จะชำระเงินอย่างไร ? อีกทั้ง ผู้ที่จัดทำเว็บไซต์ขึ้นมาแล้ว ถึงแม้จะสวยงาม แต่ไม่มีคนเข้า!!
1. ด้วยร้านค้าห้างในประเทศไทย มีมากมายภายใน 1 อำเภอ อาจจะมีมากกว่า 4 แห่งก็ได้ ทั้ง Big C, Carfu, Lotus , ห้างประจำท้องถิ่น หรือ 7-Eleven มีมากมาย อยากจะได้อะไรก็เดินทางไปดูได้ด้วยตัวเอง ดังนั้น การจะให้เว็บไซต์ของเราซื้อขายผ่าน Internet ได้ จึงต้องมีความแตกต่างกับการซื้อขาย ในห้างร้านทั่วไป
2. การชำระเงินออนไลน์ จากงาน E-commerce E-Business Expo 2007 ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน จะเห็นได้ว่า ธนาคารต่าง ๆ ทั้ง ธ.กสิกรไทย ธ.กรุงเทพฯ ฯลฯ ให้ความสำคัญกับการชำระเงินออนไลน์ และมีการจัดสัมมนาภายในงานอีกด้วย ทำให้เห็นได้ว่า ธนาคารต่าง ๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญกับ E-commerce ในประเทศไทยที่มีโอกาสเติบโตได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ผู้ประกอบธุรกิจหลายหมื่นคน ให้ความสนใจมาก แต่บุคคลทั่วไป ที่ไม่มีความชำนาญในการใช้อินเทอร์เน็ต การจะให้หันมาใช้การซื้อขาย ผ่านเว็บไซต์ก็ยังคงเป็นเรื่องยากอยู่ ดังนั้นต้องให้ความรู้กับประชาชนทั่วไปมากขึ้น
3. การทำประชาสัมพันธ์หรือ การโปรโมทเว็บให้คนรู้จัก การทำเว็บไซต์เพื่อค้าขาย ก็เหมือนกับการเปิดร้านค้า ถ้าไม่โปรโมท ถ้าไม่บอกให้คนรู้ เว็บไซต์ก็จะไม่มีคนรู้จัก การทำเว็บไซต์ผู้ประกอบกิจการหลายแห่ง ให้ความสำคัญกับความสวยงามของเว็บ โดยการใช้อนิเมชั่นให้สวยงาม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การใช้งานของเว็บไซต์ ที่ต้องคำนึงถึงผู้ใช้งาน มากกว่า เจ้าของเว็บ เว็บไซต์ต้องใช้งานง่าย เข้าถึงได้รวดเร็ว และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยในปัจจุบันที่ ทุกคนในโลกอินเทอร์เน็ตรู้จักกันดีคือ Search Engine ชั้นนำของโลกอย่าง Google
4. เว็บไซต์ E-commerce เกือบทุกเว็บ จะขายเพียงอย่างเดียว ยัดเยียดให้ลูกค้า เข้ามาซื้อของในเว็บไซต์ แล้วคนที่เข้ามาในเว็บได้ประโยชน์อะไรกลับมาบ้างหรือเปล่า?? เว็บไซต์ที่ดีไม่ได้เพียงแค่จะเอาเงินจากลูกค้าเพียงอย่างเดียว เราต้องให้อะไรกับลูกค้าก่อน ลูกค้าก็จะกลับเข้ามาซื้อสินค้าของเราเองในภายหลัง ซึ่งในส่วนนี้ อาจจะเป็น เรื่องของ บทความภายในเว็บ หากเว็บไซต์ ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ถ้าลูกค้าประสบปัญหา ไม่รู้จะเลือกยี่ห้อในดี เปรียบเทียบ สินค้า อะไรดี แทนที่ลูกค้าจะเข้าไปดู ถามข้อมูลจาก pantip.com หรือไปโพสถามเพื่อนจากเว็บบอร์ดต่าง ๆ แต่ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้อยู่ในเว็บเลย คนเข้ามาดูเว็บไซต์เรา ถึงวันนี้อาจจะไม่ใช่ลูกค้าเรา แต่เมื่อเขาต้องการซื้อสินค้าจริง ๆ เว็บที่เขาไปอ่าน หาข้อมูลบ่อย ๆ จะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่คนเหล่านี้เข้ามาซื้อสินค้านั่นเอง
5. เครื่องมือสื่อสารกับเจ้าของเว็บ ผู้ประกอบกิจการ E-commerce หลายคน มีเว็บเป็นของตัวเอง แต่อีเมล์ที่ใช้ กับเป็น ฟรีอีเมล์ อย่าง Hotmail, Google, Yahoo จะเป็นอย่างไรถ้าลูกค้าติดต่อกับคุณแต่ อีเมล์ที่ได้รับเป็น siamwebthai@yahoo.com,siamwebthai@gamil.com ลูกค้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า อีเมล์ หรือ sale ที่ติดต่อนั้นคือ เจ้าของเว็บแน่ ๆ ถ้าไม่ใช่ info@siamwebthai.com

2. ถ้าอยากจะให้ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ น.ศ.คิดว่าควรจะต้องประกอบด้วยปัจจัยใดบ้าง
1. กล้าตัดสินใจ ประการแรกที่ต้องทำคือ ค้นคว้าหาข้อมูล สร้างจินตนาการ กลั่นกรอง ความคิด หาช่องทางและโอกาสเมื่อมองเห็น จงกล้าตัดสินใจดำเนินการ เพราะธุรกิจนี้ ใช้เงินน้อยมาก เมื่อเทียบกับการเปิดร้านขายสินค้าในห้างสรรพสินค้า หรือตึกแถว ทั่วไป และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การขายสินค้าบนเว็บนี้สามารถขายให้คนได้ทั่วโลก และมีอากาศทั้งค้าปลีก ค้าส่ง และค้าส่งออกเป็นล็อตใหญ่ ฉะนั้น เมื่อเห็นโอกาส จงอย่ารีรอเป็นอันขาดหน้าที่หลักของท่านคือ การคิดเรื่องการตลาด
2. โปรแกรมด้าน E-commerce มีความพร้อมให้ใช้งานอยู่แล้วสำหรับการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์นั้น มีให้ใช้โดยทั่วไปอยู่แล้ว เช่นwww.ecombot.com ซึ่งมีระบบครบถ้วนสมบูรณ์อยู่แล้ว ทั้งหน้าร้าน หรือออกแบบเว็บเพจให้มี ระบบออนไลน์แคตาล็อค ระบบตระกร้า หรือ Shopping Cart ระบบรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิตแบบ Real-time ระบบติดตามผลการขาย ระบบออกรายงานขาย ระบบลงทะเบียน Search Engines เป็นต้น ฉะนั้น หน้าที่ของท่านก็เพียงแต่นำเอาข้อมูลสินค้า ราคา รูปภาพที่เตรียมไว้แล้ว ป้อนเข้าสู่ระบบเท่านั้น ก็สามารถเปิดใช้งานไดทันที
3. ใช้งบประมาณลงทุนน้อย เงินลงทุนที่ใช้เพียงค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ โมเด็ม และค่าโปรแกรม E-commerce นอกจากนี้ยังมีการซื้อโปรแกรมระบบ E-commerce ในอัตราเดือนละ ไม่ถึง 500 บาท ก็เป็นอันเสร็จสิ้น แต่หากท่านไม่มีคอมพิวเตอร์ โมเด็ม และไม่ได้เป็นสมาชิกอินเทอร์เน็ต เลยก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ดังนี้ ค่าเครื่องคอมพิวเตอร์ประมาณ25,000 บาท ค่าโมเด็ม ประมาณ 3,000 บาท และค่าสมาชิกอินเทอร์เน็ตประมาณเดือนละ 500 บาท หรือรวมเบ็ดเสร็จแล้วลงทุนทั้งหมดอยู่ในราว 30,000 บาท
4. เร่งงานให้เสร็จตามกำหนด เวลา ในการลงมือทำงานแล้ว สิ่งสำคัญต้องเร่งทำเดินงานให้เสร็จทันตามเวลา ไม่ควรเรื่องมาก หรือเขียนคิ้วทาปากให้กับเว็บ ทำการทดสอบสินค้า และราคาก่อน เพราะสาระสำคัญทางการค้ายังมีเรื่องที่ต้องทดสอบอีกมาก และก็ไม่มีใครสนใจความสวยงามของเว็บท่านมากนัก เพราะเขามาซื้อสินค้าไม่ใช้มาซื้อเว็บของท่าน อย่าลืม "เรียบง่าย ดูดี น่าเชื่อถือ" เป็นสำคัญ